3 เมนูมื้อเช้าที่ขอแนะนำวันนี้

No Comments
             ว่ากันว่าอาหารเช้าที่ดีนั้น ไม่ควรจะรับประทานแป้งมากเกินไป ถึงแม้จะมีคำพูดที่ว่ามื้อเช้าต้องกินอย่างราชา นั้นก็จริง ดังนั้นเราจึงต้องมีกฎของการทานอาหารเช้าก็คือ พยายามทานแป้งกับน้ำตาลให้น้อยที่สุด เพราะแป้งและน้ำตาลดูดซึมได้เร็ว จะทำให้เราหิวเร็วขึ้น  และอาหารเช้ามื้อนั้นๆ ไม่ควรจะรสจัดเกินไป เนื่องจากในตอนเช้ายังไม่มีน้ำย่อยเยอะ และกระเพาะอาหารยังไม่ขยับเต็มที่  ฉะนั้นแล้วเรามีจึงมีเมนูอาหารที่เหมาะกับมื้อเช้ามาให้คุณได้เลือกทานกันได้ตามใจ


ต้มเลือดหมู
นี่เป็นเมนูอันดับหนึ่งที่เหล่าคุณหมอต่างยกนิ้วให้เป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะในเลือดหมูมีธาตุเหล็ก และในผัก เช่น ใบตำลึง จะมีวิตามินซีเยอะ ธาตุเหล็กต้องมีวิตามินซี มันถึงจะดูดซึมได้ดี เช่นเดียวกับที่วิตามินซี ก็ต้องมีธาตุเหล็กมันถึงจะดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดี ฉะนั้นมันเป็นคู่ที่เพอร์เฟคเลยล่ะ !

ขนมปัง + ไข่ดาว
เป็นเมนูอาหารที่ทำได้ง่ายมากๆ แถมยังใช้เวลานิดเดียวอีกด้วย  ไข่ มีสารอาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย มีโปรตีนสูงที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตได้ดีและเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย  คุณอาจจะพลิกแพลงไม่จำกัดเฉพาะไข่ดาวก็ได้  เลือกได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น  ไข่ต้ม, ไข่ลวก, ไข่ดาวน้ำ โรยซีอิ้วขาว โรยพริกไทยก็ยิ่งดี เพราะพริกไทยช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และลดไขมันได้ด้วย  รวมถึงขนมปังอาจจะเลือกเป็นแบบขนมปังโฮลวีท  ที่มีธัญพืชทั้งหลาย

ขนมครก + กาแฟ
คุณอาจจะ งง ว่าไม่ควรทานอาหารที่มีแป้งและหวานจัด...แต่ทำไมถึงมีเมนูขนมครก + กาแฟเข้ามาได้ล่ะนี่ ! เอาล่ะ ซึ่งขนมครกนั้น จะมีปัญหาตรงที่ว่าแป้งเยอะ แต่มันก็ดีกว่าที่เป็นการปิ้งไม่ใช่ทอดให้ร้อนซึ่งต้องใช้น้ำมันอีกด้วยแน่ะ  แต่ก็มีข้อดีนะคือ มีกะทิที่ช่วยบำรุงผิว และส่วนใหญ่แล้ว หน้าของขนมครก ก็จะเป็นหน้าเพื่อสุขภาพ คือโรยด้วยเผือก, ต้นหอม, ข้าวโพด, ก็จะมีวิตามินเอ ซึ่งวิตามินเอ ต้องอาศัยไขมันจากกะทิ ในการดูดซึมดังนั้นก็เข้ากันพอดี    โดยเฉพาะยิ่งนำมาทานคู่กับกาแฟก็เป็นอะไรที่เข้ากันได้อย่างแรงเลยทีเดียว  ก็ถือว่าเหมาะสม เพราะในกาแฟจะมีคาเฟอีน (Caffeine) เยอะ ขนมครกจึงเป็นตัวเสริมที่โอเคมาก
เมนูมื้อเช้า.....ไม่จำเป็นที่ว่าเราจะต้องทานอาหารที่ใช้เวลาในการทำมากเสมอไป  เพียงแต่การทานแต่ละอย่างควรจะคำนึงถึงด้วยว่ามีคุณค่าทางโภชนาการอย่างไร  และไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายขจนมากเกินไป เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

back to top